
นกฮัมมิงเบิร์ด เป็นนกที่มีขนาดตัวเท่านิ้วหัวแม่มือ มีน้ำหนัก 5-6 กรัม เทคนิคในการบินของมันใกล้เคียงกับผื้งมากกว่านกชนิดอื่น ๆ หัวไหล่ที่มีลักษณะเป็นข้อต่อทรงกลมทำให้มันสามารถหมุนปีกได้ 180 องศาในทุกทิศทาง ในขณะที่มันลอยอยู่กลางอากาศส่วนปลายของปีกจะเคลื่อนที่ในแนวระนาบ ทำให้เกิดการกระพือปีกขึ้นๆ ลงๆ ขนหางคล้ายใบพายสามารถบังคับทิศทางได้ทั้งซ้ายขวาและขึ้นลง นั่นหมายความว่ามันสามารถบินไปข้างหน้า บินถอยหลัง หรือบินกลับหัวก็ยังได้
ในขณะที่นกจ้องมองดอกไม้ มันจะใช้ปากเรียวยาวแล้วแลบลิ้นที่บางเหมือนเส้นด้ายออกจากจะงอยปากเล็ก ๆ เพื่อลิ้มรสน้ำต้อยในปริมาณมากกว่าน้ำหนักตัวกว่าหนึ่งเท่าครึ่ง โดยลิ้นสองแฉกดูคล้ายรางน้ำทำให้ดูดน้ำได้ถึง 13 ครั้งต่อวินาที หัวใจเต้นด้วยอัตราเฉลี่ย 500 ครั้งต่อนาทีขณะเกาะนิ่งบนกิ่งไม้ หรือ 1,200 ครั้งต่อนาที ขณะบินไล่กัน และ 30 ครั้งต่อนาทีในฤดูหนาวหรือขาดแคลนอาหาร
ฮัมมิงเบิร์ดใช้เวลาร้อยละ 75 ของวันไปกับการเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ในตอนกลางคืน นกฮัมมิ่งเบิร์ดบางชนิดจะเข้าสู่ภาวะประหยัดพลังงานเหมือนการจำศีลชั่วคราว ในภาวะดังกล่าว การเผาผลาญพลังงานในร่างกายจะลดลงอย่างฮวบฮาบและอุณหภูมิของร่างกายจะลดลงเกือบครึ่งหนึ่งด้วย นกตัวจิ๋วอย่างฮัมมิงเบิร์ดสามารถปรับตัวได้อย่างน่าทึ่ง ธรรมชาติช่างออกแบบมาให้มันมีชีวิตที่น่าอัศจรรย์จริง ๆ
การบินของฮัมมิงเบิร์ดเปรียบเหมือนวิศวกรรมการบินระดับจุลภาคที่สร้างสรรค์จากธรรมชาติ เพราะนอกจากจะกระพือปีกได้เร็วแล้ว ปีกของมันยังสามารถบิดควงหมุนได้รอบทิศเหมือนควบคุมด้วยไดนาโมจิ๋ว จะบังคับทิศทางการบินไปทางใดก็ได้ดังใจนึก นกจะขับเคลื่อนกล้ามเนื้อปีกลักษณะคล้ายแมลงมากกว่านก จึงมีพลังมหาศาลกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นเมื่อเปรียบเทียบมวลน้ำหนัก และทางเดินประสาทที่เดินทางได้เร็ว ทำให้เป็นนกที่คล่องแคล่วที่สุด นกแอ่น (นกนางแอ่น) เป็นญาติสนิทที่สุดของฮัมมิงเบิร์ดนกเพศผู้ มีสีสดใสที่ช่วยดึงดูดนกเพศเมียเกิดจากเกล็ดขนาดจิ๋วที่มีอากาศภายในขน เพศเมียความเข้มของสีลดลงเพื่อพรางตัวจากสัตว์นักล่า เนื่องจากเลี้ยงลูกตามลำพัง นกฮัมมิงเบิร์ดเป็นสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่เปี่ยมด้วยความกล้าหาญและพละกำลังส่วนหนึ่งของอวัยวะสำคัญที่ฮัมมิงเบิร์ดต้องแบกไว้ก็คือสมอง เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดตัวแล้ว สมองของมันมี
ขนาดใหญ่กว่ามนุษย์เราถึง 2 เท่า และอวัยวะนี้เองที่ช่วยให้มันทำหลายสิ่งหลายอย่างที่สัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่าทำไม่ได้มันไม่ได้เป็นแค่นกตัวเล็กที่กินน้ำหวานเป็นอาหารเท่านั้น แต่มันยังมีความฉลาดมากอีกด้วย ฮัมมิ่งเบิร์ดมีสัมผัสเรื่องเวลาที่แม่นยำเหนือมนุษย์เราฮัมมิ่งเบิร์ดรูฟัส (Rufous hummingbird) ไม่เพียงแต่จดจำได้ว่าอาหารอยู่ที่ไหน แต่มันยังจำได้ว่า มันไปกินอาหารที่นั่นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ มันจะให้เวลาดอกไม้ต่างๆ มากพอที่จะผลิตเกสรขึ้นมาทดแทนก่อนที่จะบินกลับไปเยี่ยมเยือนดอกไม้เหล่านั้นอีกครั้ง ฮัมมิ่งเบิร์ดยังเป็นหนึ่งในสัตว์เพียงหกกลุ่มที่เรียนรู้วิธีการติดต่อสื่อสารด้วยการใช้เสียงนอกเหนือไปจากการพึ่งพาสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียว ซึ่ง มนุษย์ วาฬ และค้างคาวใช้วิธีนี้เช่นกัน รวมไปถึงนกบางชนิด อย่างนกแก้ว นกขุนทอง ซึ่งเรียนรู้ด้วยการลอกเลียนแบบโครงสร้างพิเศษที่อยู่ภายในกลีบสมองส่วนหน้าจะทำหน้าที่ควบคุมการเรียนรู้ที่จะส่งเสียงร้อง และทักษะนี้ดูเหมือนจะมีวิวัฒนาการอย่างเป็นอิสระต่อกัน สำหรับฮัมมิ่งเบิร์ด การสื่อสารด้วยการส่งเสียงร้องเกิดจากความต้องการที่จะรักษาอาณาเขตของมันเอง รูปแบบการใช้ชีวิตที่ต้องดูดกินน้ำหวานจากดอกไม้ ความต้องการพลังงานอย่างมากดังนั้น การขับไล่เพื่อนบ้านทั้งหลายให้อยู่ห่างจากแหล่งอาหารจึงสำคัญต่อความอยู่รอด และการส่งเสียงร้องก็เป็นวิธีการที่ใช้ได้ผลเป็นอย่างดีนกฮัมมิ่งเบิร์ดเพศผู้จะบินโฉบลงอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างความประทับใจแก่นกตัวเมีย การบินโฉบนั้นจะมีความเร็วที่มากกว่าเครื่องบินเจ็ทซะอีก โดยที่นกฮัมมิ่งเบิร์ดนั้นสามารถบินได้เร็วถึง 400 เท่าของความยาวตัวมันเองในเวลา 1 วินาทีการต่อสู้ของนกจะพบได้มากที่สุดในบริเวณที่มีระบบนิเวศฯอุดมสมบูรณ์ เทือกเขาในทวีปอเมริกาในแนวเหนือ-ใต้ จะเป็นเส้นทางอพยพของนก เพราะอุดมด้วยดอกไม้ที่เป็นแหล่งอาหารของนก พฤติกรรมของนกที่มีความก้าวร้าวก็เพื่อรักษาอาณาเขตและแหล่งอาหาร เนื่องจากความต้องการจิบน้ำหวานทุก 2-3 นาที โดยจะสู้กันเองเพื่อแย่งน้ำหวานความสามารถเฉพาะตัวของมันในการดูดกินน้ำหวานจากดอกไม้ในขณะที่ลอยตัวอยู่ในอากาศยังต้องอาศัยการปรับตัวของสมองเป็นพิเศษด้วย มันสามารถมองเห็นช่วงแสงของรังสีอัลตราไวโอเลตได้ดียิ่งกว่านกชนิดอื่นๆ (บางทีอาจช่วยในเรื่องการจดจำดอกไม้) และสมองที่รับผิดชอบในเรื่องการปรับภาพให้คมชัดของมันยังมีขนาดใหญ่ด้วย
แม้จะมีกระแสลมที่เกิดจากการกระพือปีกถึง 200 ครั้ง ต่อวินาทีก็ตามนอกจากจะเฉลียวฉลาดแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดตัว ฮัมมิ่งเบิร์ดนับว่าเป็นสัตว์ที่มีหัวใจขนาดใหญ่ที่สุดและมีอัตราการเผาผลาญพลังงานที่ดีที่สุด หัวใจเต้นถึง 1,200 ครั้งต่อนาที และมันอาจหายใจเข้าได้ถึง 500 ครั้งใน 1 นาที
หมายเหตุ อัตราหัวใจ (heart rate) ของคนปกติทั่วไป : อัตราหัวใจของผู้ชายเฉลี่ยประมาณ 72 ครั้ง/นาที และผู้หญิงประมาณ 75-80 ครั้ง/นาที (อาจเปลี่ยนแปลงได้) ดูรายละเอียดที่นี่ค่ะในแต่ละวันเพื่อให้สามารถบินได้อย่างนั้น อย่างน้อยมันต้องกินน้ำหวาน (เพื่อให้ได้พลังงาน) และแมลง (เพื่อให้ได้โปรตีน) ในปริมาณที่เท่ากับน้ำหนักตัว นั่นหมายถึงการไปเยี่ยมเยือนดอกไม้ถึง 1,500 ดอกโดยเฉลี่ย เนื่องจากการบินเช่นนี้
ทำให้ร่างกายต้องขับน้ำออกมาในปริมาณมาก นกฮัมมิงเบิร์ดจึงปัสสาวะออกมาอย่างต่อเนื่องฮัมมิงเบิร์ดผึ้ง (Bee Hummingbird) เป็นนกประจำถิ่นที่พบได้เพียงที่ประเทศคิวบา บนเกาะ Isla de la Juventud
เท่านั้น มีน้ำหนักตัวเพียง 1.8 กรัม (นกที่ใหญ่ที่สุด หนัก 23 กรัม พบที่เทือกเขาแอนดีสของเปรู)
มีความยาวเพียง 5 เซ็นติเมตร ถือเป็นนกที่ตัวเล็กที่สุดในโลก







